ความคิดของเรากับเงิน สำคัญต่อความสำเร็จในเรื่องเงินอย่างไร ?

ช่วงนี้อ่านหลายบทความเกี่ยวกับ Mindset หรือความคิดของเราเกี่ยวกับเงิน แล้วรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เหมือนกัน นอกเหนือจากวิธีการ (method) เชื่อว่าหลายคนพอพูดถึงเรื่องเงิน การวางแผนการเงิน การวงแผนเกษียณ คนส่วนใหญ่คงมองหาที่วิธีการก่อน มองหาวิธีที่ทำได้จริง แต่รู้หรือไม่ว่าเมื่อเราได้วิธีการที่ถูกต้องแล้ว สิ่งที่สำคัญที่ทำให้เราทำวิธีการนั้นได้ดี ถูกต้อง และต่อเนื่อง คือ Mindset หรือมุมมองของเรานั่นเอง

.

คล้ายกับการเทรดหุ้น คนทั่วไปมองหาวิธีการ Method สูตรสำเร็จ ที่ซื้อขายแล้วกำไร เรียกได้ว่า 70-80% Method 20-30% Mindset เท่านั้น แต่อย่าลืมว่าจริงๆ แล้ว Method ความสำคัญของมันจริงๆ อาจจะแค่ 30% +/- เท่านั้น การวางแผนการเงินก็เหมือนกัน คนมองหาวิธีการลงทุนเพื่อเกษียณ มองหากองทุน เคล็ดลับการเก็บเงินต่างๆ แต่ต้องอย่าลืมนะว่า อะไรทำให้เราจะเก็บเงินได้ตลอด เก็บเงินไปสักพัก เราอาจจะถอนมันออกมาซื้ออันอื่นก็ได้ ทัศนคติของเรากับเงินเป็นเรื่องสำคัญ

.

Mindset สำคัญอย่างไร ?

เคยมีคนเขาทำมาว่า 70% ของคนที่ชนะลอตเตอรี่ จะไม่เหลืออะไรใน 3-5 ปี ขณะที่ 30% ที่เหลือยังมีเงินเหลือ นั่นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเงินกับคนเหล่านั้น มุมมองเขาของกับเงินแตกต่างออกไป

.

เคยมีโอกาสในได้อ่านบทความของ Marisa Peer เขาเป็นเหมือนนักสะกดจิตชื่อดังของอังกฤษ (นักจิตวิทยา) ซึ่งเคยอ่านหนังสือเขาหลายเรื่องแล้ว จะบอกอีกมุมมองที่แตกต่างมากๆ ในหลายเรื่องเช่น การลดน้ำหนัก การสร้างความมั่นใจ ซึ่งส่วนใหญ่จะพูดถึงจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ส่วนที่เราไม่ได้ใช้สติในการคิด ส่วนที่ฝังรากลึกในความคิดของเรา แต่วันนี้เรามาพูดถึงแค่เรื่องที่เกี่ยวกับเงินเท่านั้น

.

Marisa Peer อธิบายถึง Money Mindset ว่ามันคือ ความเชื่อเกี่ยวกับเงินซึ่งอาจจะถูกฝังตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ส่งผลต่อมุมมองของเราเก็บเงิน และความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเงิน โดยสุดท้ายแล้วก็จะส่งผลต่อสุขภาพการเงินของเรานั่นเอง

.

Marisa ได้อธิบายต่อว่า คนเราจะมี Money blocks หรือความเชื่อที่ขวางกั้นเราสู่ความสำเร็จเกี่ยวกับเงินอยู่

คนส่วนใหญ่เชื่อว่า “I am worthless” ซึ่งสิ่งที่เหล่านี้อาจจะเกิดจากวัยเด็ก เวลาคุณอยากได้ของอะไร แล้วพ่อแม่หรือผู้ปกครองพูดว่า ตอนนี้ไม่มีเงิน ไม่รู้จะหาจากไหน ต้องไปหาเงินก่อน เราซื้อไม่ไหวเงินเราไม่พอ สิ่งเหล่านี้ปลูกฝังอยู่ในลูก กลับกันถ้าเราบอกว่า ถ้าอยากซื้อ ก็ต้องมีเงิน 50$ ซึ่งก็ต้องทำงานแลกมา หรือลงมือทำเพื่อได้มันมา อาจจะให้ลูก ล้างจาน ช่วยล้างรถ หรือเก็บห้องก็ได้ เพื่อให้ลูกรู้ว่าสามารถหาทางที่จะหาเงินได้

.

Money block อาจเกิดจากเมื่อก่อนเราอาจจะเคยได้ยินผู้ใหญ่ หรือพ่อแม่เราพูดว่า ชาตินี้เราคงไม่รวย พวกเราคงไม่มีทางจะรวย คนรวยเขาอยู่กันไงนะ เงินคือสิ่งชั่วร้าย ทำให้คนโลภทำเรื่องที่ไม่ดี สิ่งเหล่านี้เมื่อเข้าหูเรามันก็ไปอยู่ในจิตใต้สำนึของเราว่าเงินเป็นสิ่งที่ไม่ดี อาจจะทำให้ mindset ของเราคิดว่าเรายังไงก็ไม่รวย เป็นเรื่องที่ผิดมากๆ

.

บางคนอาจจะมีมุมมองกับเงินที่ไม่ดี เลยอยากยกตัวอย่างหนึ่งที่ดีมากๆ Anton Kreil เทรดเดอร์ชื่อดัง ที่เคยทำงานในหลายที่อย่าง Goldman Sachs เคยสัมภาษณ์ในยูทูป โดยเขายื่นเงิน ให้กับคนที่ถามคำถามเขา แล้วถามว่ารู้สึกอย่างไรกับมัน คนนั้นบอกเฉยๆ มันน้อยไป จากนั้น Anton ก็ยื่นเงินเพิ่มให้ ยื่นเพิ่มอีก แล้วก็เพิ่มเงินเอง จากนั้นถามว่าแล้วตอนนี้รู้สึกอย่างไร คนนั้นตอบว่า อยากเอาเงินไปซื้อของนู้นนี่ Anton บอกว่า เงินคือกระดาษ สิ่งที่แตกต่างคือความคิดมุมมองเราต่อเงินต่างหาก ซึ่งมาจากคน

.

แน่นอนว่าหลายคนอาจจะไม่ได้มองว่าเงินไม่ดี อยากรวย อยากนู้นอยากนี่ แต่ไม่ได้อยากมากพอต่างหาก หรือไม่ได้รู้ว่าการที่เราอยากนั้น เราก็ต้องทำงานเพื่อแลกมันมาด้วยเช่นกัน

.

เห็นได้ว่า Mindset จิตใต้สำนึก และสมองของเรานั้นส่งผลต่อเรากับเงินอยู่พอสมควร อีกตัวอย่างที่อยากพูดถึงคือซีรีย์สั้น Your Brain on Money เขาพูดถึงสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมาก เขาบอกว่าสมองของเราจะสนใจเฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่ค่อยสนใจอนาคต ทำให้เวลาเราคิดถึงเรื่องเก็บเงินเพื่อเกษียณ เราถึงไม่ค่อยสนใจมากนัก เพราะเราสนใจความสุขที่จับต้องได้ตอนนี้มากกว่า เพราะฉะนั้นทางแก้คือการที่เราลองวาดภาพในหัวเรา ลองนึกดูว่าเมื่อเราเกษียณเราอยากทำไร เราอยากมีอะไรบ้าง ให้ภาพมันชัดมากขึ้น จับต้องได้ คิดว่าเราจะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ให้ได้ทุกสัมผัส เพื่อปลุกให้สมองของเรารับรู้ถึงความรู้สึกนั้น และทำให้เราอยากมีมากขึ้น

.

หากเราอ่านบทความต่างประเทศ เราจะเจอว่ามันจะมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า Mantra หรือคล้ายๆ กับการพูดท่องเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง ซ้ำไปซ้ำมา ส่วนใหญ่ใช้กับการนั่งสมาธิ แต่อันนี้สามารถนำมาใช้เปลี่ยนความคิดของเรากับเงินได้

.

“I can make money as I choose to”

“I am in charge of my spending decisions”

เราอาจจะมีของเราก็ได้นะ จริงๆ เทคนิคนี้ใช้กับอย่างอื่นได้ด้วย เช่น การลดน้ำหนัก ความมั่นใจ ชีวิตประจำวันต่างๆ ไม่ต้องเกี่ยวกับเงินก็ได้ การพูดหรือนึกถึงคำพูดพวกนี้ทุกวัน เหมือนเป็นการทำให้สมองเราเชื่อในสิ่งนั้นได้ และมีโอกาสที่เราจะเป็นแบบนั้น

.

ก่อนจะจบบทความนี้ แบบฝึกหัดที่เราต้องทำให้ลองคิด

คำถามที่ควรถามตัวเองเพื่อหา Money blocks

ความสัมพันธ์ของคุณกับเงินเป็นอย่างไร

ความเชื่อของคุณที่มีเกี่ยวกับเงินเป็นยังไง

คุณเชื่อหรือเปล่าว่าคุณจะมีเงินตลอด

.

หลายคนอ่านแล้วอาจจะมีความสงสัยว่ามันใช้ได้จริงไหม หรือไม่แน่ใจว่ามันแค่หลอกหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าหากเรานึกดีๆ มันก็เปิดมุมมองเราเหมือนกันนะ อีกมุมมองหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง

---

ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb
กลุ่มความรู้นักลงทุน: http://bit.ly/3clAwZ2
กลุ่มพัฒนาตัวเอง: http://bit.ly/3ejPXnk
กลุ่มคริปโต บิทคอยน์ NFT: https://bit.ly/3J8LS1W