รับมืออย่างไร เมื่อ ตลาดหุ้นผันผวน
SET Index ปรับตัวลง 100 กว่าจุด จาก 1700 ลงไปต่ำกว่า 1600 จุด โดยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ (8 Sep 2019) รอบนี้หลายคนเป็นกังวลว่าอาจจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า ไม่ว่าจะเป็น Inverted Yield Curve หรือแม้แต่ความกังวลกับผลการเลือกตั้งในอาร์เจนตินา ทำให้หลายคนขายหุ้นขาดทุน หลายคนถัวหุ้น หลายคนล้างพอร์ตไปเลยก็มี เหตุการณ์หุ้นตกแรงและเร็วไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น แต่มันจะวนเวียนขึ้นลงแบบนี้อยู่ตลอด แล้วนักลงทุนอย่างเราควรรับมืออย่างไรดีถ้าเจอเรื่องแบบนี้
1.ตั้งสติ อย่าวู่วามรีบขายหรือซื้อหุ้น
เวลาหุ้นตกหนัก จะเจอคนอยู่ 3 ประเภท
- แบบแรก คือ มีหุ้นเต็มพอร์ต จะเกิดความกลัว รีบเทขายหุ้นออกไป เพราะกลัวว่าจะขาดทุนมากกว่าเดิม
- แบบที่สอง กลุ่มที่รอซื้อหุ้นเพราะคิดว่ามันจะเด้งกลับ
- แบบที่สาม รอซื้อหรือขายหุ้น แต่เพราะศึกษามาดีแล้วว่า นี่เป็นโอกาสได้ซื้อหุ้นดีราคาถูก หรือเป็นวิกฤตที่หุ้นเราได้รับผลกระทบทางพื้นฐาน เราก็ควรขายหุ้นออกไป
ทุกครั้งที่หุ้นตกหนัก ลองตั้งสติ พิจารณาว่า เราอยู่ในกลุ่มไหนนะครับ เราควรจะอยู่ในแบบที่สาม เอาให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น
2.พิจารณาหาสาเหตุว่าทำไมหุ้นตก
เราต้องเข้าใจที่มาที่ไปและผลลัพธ์ที่ตามมา เช่น หุ้นตก เพราะ Trade War แต่ถ้าหุ้นที่เรามี ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับเรื่องนี้ ก็อาจเป็นโอกาสในการซื้อ หรือหุ้นตกเพราะ Inverted Yield Curve เราก็ต้องเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่เกิดในอดีตว่า หลังจากสัญญาณนี้เกิดขึ้นเช่นในปี 2005 กว่าจะเกิดวิกฤตจริงคือ ปี 2008
3.SET ร่วง หุ้นเราโดนหางเลขไปด้วย
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และบ่อยครั้งด้วย เพราะเราไม่ได้ถือหุ้นนั้นคนเดียว คนอื่น ๆ มีความคิดไม่เหมือนกัน มีแผนไม่เหมือนกัน บางคนเก็งกำไรระยะสั้นเห็นท่าไม่ดีก็ขายก่อน บางคนเห็นงบไม่ดีก็ปรับพอร์ต ผมแนะนำแบบนี้ครับ
- หุ้นที่เราไม่มั่นใจในผลประกอบการที่จะออกมาใน 1 ปีนี้ เราไม่รู้จักธุรกิจดีพอ ก็ควรขายออกไป
- หุ้นที่เราพิจารณาถี่ถ้วนแล้วคิดว่างบยังไงก็ดี ถ้าทุนเราสูง อาจล็อคกำไรส่วนนึง แล้วรอมันลง ค่อยซื้อกลับ แต่ถ้าทุนเราต่ำ ก็อาจไม่ต้องทำอะไร อาจจะซื้อเพิ่มถ้าราคาลงแรง
- หุ้นที่งบแย่แน่ ๆ หุ้นซิ่งด้วย ขายอย่างเดียว ห้ามต่อรอง เราพลาดแล้ว
4.ถือเงินสดไว้บ้าง เพราะตลาดผันผวน เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง
การมีเงินสด เก็บไว้รอโอกาส เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในยามตลาดหุ้นผันผวน เพราะถ้าหุ้นที่เราสนใจตกลงมาเยอะ ก็จะเป็นโอกาสของคนที่ถือเงินสดในการเลือกช็อปหุ้นที่ต้องการ แล้วในกรณีที่เราไม่มีเงินสด มีแต่หุ้นอยู่เต็มพอร์ต เราก็จำเป็นต้องพิจารณาปรับพอร์ต ขายหุ้นที่โดนผลกระทบ หรือหุ้นที่ให้ผลตอบแทนน้อยที่สุด แล้วมาซื้อหุ้นตัวใหม่ที่คิดว่าน่าจะดีกว่า
5.อย่าดูจอบ่อย จะได้ไม่เครียด
ความผิดพลาดหลายครั้งเพราะเราดูจอบ่อยเกินไป เห็นหุ้นขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วเกิดความกลัวว่ามันจะลงไปต่อ เราเลยรีบขายทิ้ง แต่พอจบวัน ราคามันดันกลับมาที่เดิม เราก็เจ็บใจว่าถ้าไม่ทำอะไรน่าจะดีกว่านี้ เรื่องนี้แก้ได้ด้วยการวางแผนว่าเราจะซื้อหรือขายเมื่อไหร่ ราคาเท่าไหร่ ตรงไหนคือจุดทำกำไรหรือตัดขาดทุน แล้วเราก็ทำตามแผนไป แน่นอนว่าเราจะไม่ได้กำไรมากที่สุดเวลาหุ้นขึ้น แต่เราก็จะไม่ขาดทุนมากที่สุดเวลาหุ้นลงเช่นกัน
โดยสรุป เมื่อยามที่หุ้นตกหนัก จิตใจเราต้องไม่ตกตาม ตั้งสติ พิจารณาให้รอบคอบถึงสาเหตุและผลลัพธ์ของเหตุการณ์ วางแผนให้ดีถึงหุ้นที่เรามีหรือสนใจว่าจะซื้อหรือขายอย่างไร ปรับพอร์ตให้เหมาะสม และที่สำคัญอย่าเปิดจอบ่อย ออกไปใช้เงิน (แม้จะน้อยนิด) กันบ้างก็จะสุขใจมากกว่าครับ
ติดตามบทความ การเงิน สนุกๆกันต่อได้ที่ FinSpace – Finance
ติดตามบทความอื่น ๆ ของ Guru Stock Vitamin
ได้ที่ Website : www.stockvitamins.co
หรือ Facebook : Stock Vitamins