FinSpace

นักลงทุน 4 สไตล์ คุณเป็นใครในโลกการลงทุน?

นักลงทุน 4 สไตล์

ในโลกของการลงทุนก็เหมือนป่าอันกว้างใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละชนิดก็มีเทคนิคเอาตัวรอดสุดเจ๋งของตัวเอง เช่นเดียวกับเหล่านักลงทุนที่มีกลยุทธ์และไอเดียสุดเฉียบเฉพาะตัว

วันนี้ FinSpace จะพาคุณผจญภัยไปในป่าของการลงทุน ผ่านการเปรียบเทียบนักลงทุน 4 สไตล์กับเหล่าสรรพสัตว์ที่มีสไตล์คล้ายคลึงกัน เพื่อให้เข้าใจถึงธรรมชาติ วิธีคิด และกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

Advertisements

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่กำลังค้นหาสไตล์การลงทุนของตัวเอง หรือนักลงทุนที่มีประสบการณ์และต้องการทบทวนกลยุทธ์ของตน การทำความรู้จักกับนักลงทุนทั้ง 4 ประเภทนี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและเลือกแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมกับบุคลิกภาพและเป้าหมายของคุณได้ดียิ่งขึ้น มาเริ่มสำรวจกันเลยว่าคุณเป็นใครในโลกการลงทุน?

นักลงทุน 4 สไตล์
นักลงทุน 4 สไตล์ คุณเป็นใครในโลกการลงทุน?

1. นักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor) เปรียบเสมือน “เต่า”

เต่าเป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวช้า แต่มีความอดทนสูง มุ่งมั่นที่จะไปถึงเป้าหมายในระยะยาว เช่นเดียวกับนักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) ที่มุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว อดทนรอซื้อสินทรัพย์ราคาถูก และให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐาน

ลักษณะเด่น

– เคลื่อนไหวช้า แต่ได้ผลระยะยาว เหมือนกับเต่าที่เคลื่อนไหวช้า ๆ แต่สามารถเดินไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างแน่นอน นักลงทุน VI ก็เช่นกัน ไม่เน้นการเก็งกำไรระยะสั้น แต่เน้นการลงทุนระยะยาว เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ยั่งยืน

– อดทน นักลงทุน VI ต้องมีความอดทนสูงในการรอคอยให้ราคาหุ้นลงมาอยู่ในโซน “ราคาถูก” ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานหลายปี เหมือนกับเต่าที่ค่อย ๆ เดินไปทีละก้าว

– ไม่สนใจกระแส นักลงทุน VI จะไม่ตามกระแสของตลาดหุ้น แต่จะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์พื้นฐานของบริษัท ซึ่งแตกต่างจากนักลงทุนทั่วไปที่มักจะตามกระแสข่าวสารหรือเทคนิคต่าง ๆ

– มีวินัย นักลงทุน VI ต้องมีวินัยในการลงทุนตามหลักการที่ได้กำหนดไว้ ไม่หวั่นไหวกับความผันผวนของตลาด

– เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ นักลงทุน VI จะเลือกซื้อหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพดี แม้ว่าราคาจะสูง แต่ก็เชื่อมั่นว่าในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดี

 

2. นักลงทุนห่านทองคำ (Yield Investor) เปรียบเสมือน “ไก่”

ถึงแม้จะถูกเรียกว่าเป็น “ห่านทองคำ” แต่จริง ๆ แล้วนักลงทุนประเภทนี้คล้ายกับไก่มากกว่า เนื่องจากไก่เป็นสัตว์ที่ออกไข่ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เปรียบเสมือนเงินปันผลที่นักลงทุนห่านทองคำต้องการ ในขณะที่ห่านนั้นออกไข่วันเว้นวันบ้าง หรือบางครั้งก็ต้องรอถึง 2 – 3 วันกว่าห่านจะออกไข่ทีนึง

ลักษณะเด่น

– ความสม่ำเสมอของผลตอบแทน ไก่จะให้ไข่เป็นประจำทุกวัน ซึ่งเปรียบเสมือนผลตอบแทนจากการลงทุนที่สม่ำเสมอ ขณะเดียวกันนักลงทุนห่านทองคำก็คาดหวังที่จะได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

– ความมั่นคง ไก่เป็นสัตว์ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากนัก และให้ผลผลิตที่ค่อนข้างแน่นอน ขณะที่นักลงทุนห่านทองคำมักจะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีความมั่นคง และมีแนวโน้มการเติบโตที่ค่อนข้างแน่นอน

– คาดการณ์ได้ การเลี้ยงไก่ให้ไข่เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างแน่นอน สามารถคาดการณ์ผลผลิตได้ในระดับหนึ่ง นักลงทุนห่านทองคำเองก็ชอบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้ เช่น เงินปันผลที่สม่ำเสมอ

 

3. นักลงทุนโมเมนตัม (Momentum Investor) เปรียบเสมือน “เหยี่ยว”

นักลงทุนโมเมนตัม (Momentum Investor) คือผู้ที่ใช้กลยุทธ์การลงทุนตามแนวโน้มของตลาด นักลงทุนประเภทนี้จะมองหาโอกาสทำกำไรอยู่เสมอ โดยจะเลือกสินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่ชัดเจน เปรียบเสมือนเหยี่ยวที่โฉบไปเฉี่ยวมาบนท้องฟ้า เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อจับเหยื่อได้อย่างแม่นยำ

ลักษณะเด่น

– รวดเร็วและคล่องตัว เหมือนเหยี่ยวที่โฉบลงไปจับเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว นักลงทุนโมเมนตัมก็ต้องตัดสินใจซื้อขายหุ้นอย่างรวดเร็ว

– โฉบเฉี่ยวและฉวยโอกาส เหยี่ยวจะคอยสังเกตและรอคอยโอกาสที่จะจับเหยื่อ นักลงทุนโมเมนตัมก็จะคอยสังเกตและรอคอยโอกาสในการทำกำไรเช่นกัน

– ปรับตัวเก่ง เหยี่ยวสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการล่าเหยื่อได้ตามสภาพแวดล้อม นักลงทุนโมเมนตัมก็สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์ตลาด

Advertisements

 

4. นักเก็งกำไร (Speculator) เปรียบเสมือน “นกฮูก”

นกฮูกเป็นสัตว์ที่มีสายตาเฉียบคม มองเห็นภาพในที่มืดได้ดี และสามารถจับเหยื่อได้อย่างแม่นยำ นักเก็งกำไรก็เช่นกัน ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำ

ลักษณะเด่น

– สายตาเฉียบคม

ทั้งนักเก็งกำไรและนกฮูกต่างมีความสามารถในการมองเห็นภาพที่ชัดเจนและละเอียดอ่อน นักเก็งกำไรต้องมีสายตาที่เฉียบคมในการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์แนวโน้มของตลาด เพื่อหาโอกาสในการทำกำไร ส่วนนกฮูกก็มีสายตาที่สามารถมองเห็นเหยื่อได้ในที่มืด ทำให้ได้เปรียบในการล่า เปรียบเสมือนการที่นักเก็งกำไรสามารถมองเห็นโอกาสในการลงทุนที่ผู้อื่นมองไม่เห็น

– ไวต่อสัญญาณ

นกฮูกมีการได้ยินที่ไวต่อเสียงที่เบามาก ๆ ซึ่งช่วยให้พวกมันสามารถจับเหยื่อได้อย่างแม่นยำ นักเก็งกำไรก็เช่นกัน ต้องมีความไวต่อสัญญาณต่าง ๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร ข้อมูลทางเศรษฐกิจ หรือการเคลื่อนไหวของราคา เพื่อจับจังหวะในการเข้าซื้อหรือขาย

– ฉลาดและรอบคอบ
นักเก็งกำไรต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด เพื่อตัดสินใจซื้อขายที่ถูกต้อง เปรียบเทียบได้กับนกฮูกที่มีสมองที่พัฒนาสูง สามารถวางแผนการล่าเหยื่อได้อย่างรอบคอบ

 

การเปรียบเทียบนักลงทุนกับสัตว์ต่าง ๆ ช่วยให้เราเห็นภาพและเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละกลยุทธ์การลงทุนได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นเต่าที่มุ่งมั่นในการลงทุนระยะยาว ไก่ที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ เหยี่ยวที่พร้อมโฉบฉวยโอกาส หรือนกฮูกที่มองการณ์ไกล สิ่งสำคัญคือการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและบุคลิกภาพของคุณ การเข้าใจจุดแข็งและข้อจำกัดของแต่ละแนวทางจะช่วยให้คุณสามารถปรับใช้กลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในการลงทุนในระยะยาว

 

อ้างอิงจาก: Pi Knowledge, SET Invest Now

Advertisements

ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co

ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่

Facebook : FinSpace

Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7

X : http://bit.ly/2keFfVD

Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb

กลุ่มความรู้นักลงทุน: http://bit.ly/3clAwZ2

กลุ่มพัฒนาตัวเอง: http://bit.ly/3ejPXn

Advertisements

FinSpace

https://www.finspace.co/

"เรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ"

Related post

Advertisements