เฟ้นหาเคล็ดลับความสำเร็จในการลงทุน “ความลับที่คนรวยไม่อยากจะบอกคุณ”
จุดเริ่มต้นของการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ บางครั้งมันก็ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น แต่อยู่ที่ตัวเราเอง … สิ่งที่ผมกล่าวถึงนั่นคือ พฤติกรรมของเราในแต่ละวัน มันจะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต โดยเฉพาะด้านการเงินในอนาคต
หลายสิ่งที่เราทำจนชินเป็นนิสัย มันอาจส่งผลเสียในระยะยาวอย่างที่เราคาดไม่ถึง และหมุดหมายของความสำเร็จด้านความมั่งคั่งทางการเงินอาจต้องไกลออกไปเพราะสิ่งเหล่านี้
อะไรที่คนรวยไม่อยากจะบอกคุณ
“ความลับ” บางประการที่คนรวยทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เขาไม่ใคร่อยากจะบอกใคร หรือบางคนใจกว้างยอมบอกเรา แต่เราก็ไม่สามารถทำได้ “อะไร” คือปัจจัยความสำเร็จส่วนบุคคลดังกล่าว ไปติดตามกันครับ
ประการแรก … “คนรวยจะซื้อสินทรัพย์ ในขณะที่คนทั่วไปจะซื้อของที่มีค่าเสื่อมราคา”
ของที่มีค่าเสื่อมราคา คืออะไร … คำตอบก็คือ สิ่งของใดก็ตามที่เราซื้อมาแล้วต้องเสื่อมลง เช่น รถยนต์ เมื่อเราเริ่มถอยออกมาจากโชว์รูม ราคามันก็ลดลงมาแล้ว สมมติเราซื้อรถราคาหนึ่งล้านบาท ผ่านไปห้าปี มูลค่าจะลดลงเหลือแค่ห้าแสนบาท สิ่งนี้แหละที่ทำให้เราจนลง
ผิดกับคนรวยเขาจะซื้อ “สินทรัพย์” นิยามของคำว่า สินทรัพย์ ก็คือ สิ่งที่จะเพิ่มมูลค่าขึ้นตามกาลเวลา เช่น หุ้นของกิจการที่เติบโต หากเราซื้อหุ้นค้าปลีกตัวหนึ่งทิ้งไว้เมื่อสิบปีที่แล้ว เงินหนึ่งล้านบาทของเราสามารถขึ้นไปเป็นเจ็ดล้านกว่าบาทได้เลยทีเดียว
ประการที่สอง … “คนรวยจะใช้มหัศจรรย์แห่งการทบต้นให้เป็นประโยชน์ ในขณะที่คนจนจะสร้างหนี้สิน”
มหัศจรรย์แห่งการทบต้น ก็คือ หากเรานำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ตาม และสินทรัพย์นั้นสร้างผลตอบแทนให้เรา 10% ต่อปี ตามกฎ 72 ภายในเวลา 7.2 ปี สินทรัพย์ของเราจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และมันจะทบต้นของมันไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่เรายังลงทุนอยู่ หากเราทิ้งไว้อีก 7.2 ปีมันจะทบไปอีกเท่าตัวจากเงิน 1 ล้าน จะกลายเป็น 4 ล้านบาทภายใน 14.4 ปี และจะกลายเป็น 8 ล้าน ภายใน 21.6 ปี
.
ส่วนคนจนเขาจะสะสมหนี้สิน แทนที่จะสะสมสินทรัพย์ที่งอกเงย … หนี้สินนั้นหากคิดดอกเบี้ยเรา 20% ต่อปี ภายใน 3 ปีเศษ หนี้สินจะพอกพูนเป็นเท่าตัว หมายความว่า มันคือด้านกลับของการทบต้น เช่นเรามีหนี้บัตรเครดิต 1 แสนบาท ภายในสามปีเศษมันจะงอกเป็น 2 แสน และภายในหกปีจะงอกเป็น 4 แสน ถ้าเราไม่ชำระเงินต้นเลย (ชำระแต่ดอกเบี้ย)
ประการที่สาม … “คนรวยจะสวนกระแสค่านิยมในสังคม”
ค่านิยมในสังคม ได้แก่ การมีบ้านหลังใหญ่เกินตัว การมีรถหรู ต้องส่งลูกเรียนนานาชาติ มันไม่ผิดหากเรามีกำลัง แต่หากเรามีเงินเดือนสามหมื่น แต่มีสินค้า หรือบริการสำหรับคนมีเงินเดือนหลักแสนมาเสนอคุณในตอนนี้ และคุณสามารถ “ผ่อนได้” คุณจะซื้อหรือไม่ (หลายคนคงอดใจไม่ไหว)
ตัวอย่างคนที่สวนกระแสสังคม และสามารถเปลี่ยนสถานะจากคนจนเป็นคนรวย ได้แก่ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรกร นักลงทุนวีไอที่ปัจจุบันมีพอร์ตกว่าหกพันล้านบาท
อาจารย์นิเวศน์ ช่วงลงทุนใหม่ ๆ อยู่บ้านแม่ยาย ไม่ต้องซื้อบ้านใหม่ รถก็ขับคันเก่าโทรม ๆ ใช้เงินวันละไม่กี่ร้อยบาท แต่เอาเงินทั้งหมดไปลงทุนหุ้น จนสามารถเปลี่ยนสถานะได้ในปัจจุบัน
ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ
สิ่งที่คนรวยไม่อยากจะบอกคุณเท่าไหร่ ก็คือ คุณต้องซื้อสินทรัพย์ ไม่ควรก่อหนี้สินถ้าไม่จำเป็น ควรสวนกระแสสังคมบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ใช่คนแอนตี้สังคมนะครับ เป็นตัวของตัวเอง อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นโดยไม่จำเป็น ทำได้แบบนี้ผมว่าโอกาสแห่งความสำเร็จก็จะอยู่ไม่ไกลล่ะครับ #นายแว่นลงทุน
ติดตามบทความ การเงิน สนุกๆกันต่อได้ที่ FinSpace – Finance
ติดตามบทความอื่น ๆ ของ Guru นายแว่นลงทุน
ได้ที่ Website : www.topofliving.com
หรือ Facebook : นายแว่น ลงทุน – Naiwaen Investment