FinSpace

ลงทุนหุ้นที่โดนปิดห้างดีไหม ? โดย Stock Vitamins

หุ้นช่วง Covid

เริ่มจากการปิดโรงหนัง ร้านนวด แล้วก็เริ่มมาปิดห้างสรรพสินค้าบางส่วน (ยกเว้น Supermarket ร้านขายยา ร้านอาหารเปิดเฉพาะซื้อกลับบ้าน) ล่าสุดปิดถึง 30 เมษายน แล้ว

หุ้นที่ได้รับผลกระทบหลักๆ มีอยู่ 4 กลุ่ม ด้วยกัน คือ

1. เจ้าของห้างที่ปล่อยเช่าพื้นที่
เป็นหุ้นที่น่าจะเจ็บหนักไม่ใช่น้อย และอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะจำเป็นต้องลดหรืองดค่าเช่าในช่วงนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือร้านค้าที่ไม่สามารถขายของได้ เช่น CPN, SF, PLAT, MBK, BKER

Advertisements

2. ห้างขายสินค้า
เวลาพูดถึงห้าง เราอาจจะคิดถึงแต่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เดอะมอลล์ โรบินสัน แต่จริงๆ มันยังครอบคลุมมากกว่านั้น ทั้งขายวัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ ทำให้หุ้นที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ HMPRO, GLOBAL, DOHOME, ILM, CRC

3. ร้านอาหาร
ยอดขายหายวับไปกับตากับจากลูกค้านั่งทานที่ร้าน ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์มาเป็น delivery กันยกใหญ่ แต่ก็จะลำบากกับร้านที่เป็นปิ้งย่าง ชาบู หรือบุฟเฟต์ไม่น้อย ร้านที่กระทบคือ CENTEL, MINT, M, AU, SNP, JCKH

4. ร้านค้าที่ขายของในห้าง
นอกจากร้านอาหารแล้ว ร้านค้าที่ขายของทั่วไปในห้าง ไม่ว่าจะขายเสื้อผ้า ขายหนังสือ ขายสินค้าไอที ขายเพชร หรือแม้แต่โรงหนังต่างได้รับผลกระทบกันหมด เช่น COM7, SPVI, CPW, SABINA, MC, JUBILE, PDJ, SE-ED, COL, BIG, MAJOR

แน่นอนว่า ในระยะสั้น รายได้หาย ค่าใช้จ่ายพอลดได้ กำไรหดแน่นอน ราคาหุ้นก็ร่วงลงมาเยอะตามคาด แล้วเราควรลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้หรือเปล่า คำถามที่เราควรคิดคือ

กลุ่มหุ้นที่โดนปิดห้าง

1. ปิดห้างอีกนานแค่ไหน
จากตอนแรกปิดบางที่ถึงสิ้นเดือนมีนาคม ขยับมาเป็น 12 เมษายน และตอนนี้ 30 เมษายน คำถามคือ ประมาณ 1 เดือน ต่อจากนี้ สถานการณ์จะดีขึ้นขนาดที่จะกลับมาเปิดกิจการได้หรือเปล่า ถ้าสมมติว่ายังมีผู้ติดเชื้ออยู่ ถึงแม้ว่าจะลดลงแล้วก็ตาม เราพร้อมจะเปิดห้างหรือเปล่า คือ อยากให้ลองเผื่อใจถึงผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนที่อาจจะมากขึ้นได้ถ้าเหตุการณ์ยืดเยื้อมากกว่าที่คาดไว้

2. รอดหรือเปล่า
เอาแค่ระยะสั้นก่อน ถ้าต้องหยุดขายของไป 3 เดือน 6 เดือน สภาพคล่องของบริษัทไหวไหม เงินสดของกิจการมีมากแค่ไหน พอจ่ายค่าจ้างพนักงาน ค่าดอกเบี้ยมั้ย เพราะถ้ากิจการไหนหนี้สูงๆ หรือกระแสเงินสดไม่ดี ต้องหมุนเงินตลอด อาจไม่รอดถ้าขาดรายได้หลายๆ เดือน

Advertisements

3. ซื้อสินค้าจำเป็น ลดการฟุ่มเฟือย
ข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่ไก่ น้ำดื่ม คือ สินค้าจำเป็นที่หลายคนซื้อติดบ้านไว้ เพราะกลัวว่าเหตุการณ์จะลุกลาม ออกนอกบ้านไม่ได้ ทำให้ลดการซื้อสินค้าอื่นๆ ที่ยังไม่จำเป็นลง เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์ไอที ก็ทำให้ยอดขายลดลงไปอีก แต่ก็น่าติดตามว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ยอดขายสินค้าแฟชั่นหรือฟุ่มเฟือยที่อั้นไว้จะกลับมาเพิ่มมากกว่าเดิมหรือเปล่า

4. กลับมาไม่เหมือนเดิม
พฤติกรรมผู้บริโภคกำลังเริ่มเปลี่ยนไวขึ้นด้วยการปรับตัวทั้งสั่งอาหารผ่าน App สั่งซื้อของออนไลน์ ประชุมหรือเรียนออนไลน์ ดูหนังฟังเพลงเยอะขึ้น ทำให้พอสถานการณ์จบเป็นเรื่องน่าคิดว่า การกินอาหารนอกบ้าน การเดินซื้อของตามร้าน ไปโรงหนัง อะไรต่างๆ แบบนี้จะโดน Disrupt มากน้อยแค่ไหน หรือแม้แต่ห้างที่เก็บค่าเช่าพื้นที่จะสามารถขึ้นราคาได้แค่ไหนภายหลังวิกฤต

5. ราคาลงมาถูกหรือยัง
สิ่งสำคัญประกอบการตัดสินใจคือ เรื่องราคาหุ้นว่าถูกหรือยัง ในที่นี้อาจไม่ใช่แค่ราคาที่ลงมาเยอะ แต่เราต้องพิจารณาด้วยว่า กำไรที่ลดลง หุ้นที่ P/E เหมือนจะถูกในวันนี้ ก็จะมี P/E ที่สูงขึ้นได้ในอนาคต และยิ่งน่ากังวลสำหรับหุ้นที่ปรับตัวไม่ได้ ก็ไม่สามารถสร้างฐานกำไรให้กลับมาโตได้

Advertisements

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าหุ้นอะไรที่ราคาลงเยอะก็ซื้อได้ แต่เราควรมองว่า หุ้นตัวไหนที่แข็งแกร่ง หนี้น้อย มีเงินสดเลี้ยงตัวเองได้ ปรับตัวได้ไว ไม่ถูก disrupt และที่สำคัญราคาเหมาะสมคุ้มค่าแก่การลงทุน


ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb

อ่านอะไรต่อดี…

Advertisements

Stock Vitamins

Related post

Advertisements