คู่มือลงทุนหุ้นวัฏจักร จับจังหวะยังไง ให้ได้กำไร
หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock) คืออะไร ? มีอะไรบ้าง ?
คู่มือลงทุนหุ้นวัฏจักร จับจังหวะยังไง ให้ได้กำไร..
ว่ากันว่าหุ้นประเภทหนึ่งที่มีโอกาสให้ผลกำไรกับนักลงทุนมากที่สุดในเวลาอันรวดเร็ว ก็คือ “หุ้นวัฏจักร” นั่นเอง
ถ้าเราจับจังหวะถูกต้อง เลือกลงทุนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเป็นขาขึ้นพอดี หุ้นแบบนี้ก็จะโตเอามากๆ ในทางกลับกันถ้าเศรษฐกิจย่ำแย่ หุ้นวัฏจักรก็ร่อแร่ไม่แพ้กัน
ในระยะ 2-3 เดือนมานี้ จะเห็นว่าหุ้นวัฏจักรเริ่มกลับมาโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้หลายคนสนใจหุ้นกลุ่มนี้พอสมควร
FinSpace เลยถือโอกาสมาแบ่งปันคู่มือการลงทุนหุ้นหุ้นวัฏจักรแบบง่ายๆ มาฝากกัน
หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock) คืออะไร ?
เราให้คำนิยามหุ้นวัฏจักรว่าเป็นหุ้นที่มีการขึ้นลงของราคาเป็นรอบๆ ตามภาวะเศรษฐกิจ การลงทุนหุ้นกลุ่มนี้จึงมักมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ซึ่งสิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจ คือ จังหวะในการเข้าออก และต้องติดตามความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
เราสามารถแบ่งหุ้นวัฏจักร ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้
- หุ้นที่มีธุรกิจปรับตัวขึ้นลงตามแนวโน้มของเศรษฐกิจ
ช่วงไหนเศรษฐกิจดี ผลประกอบการก็ดีตาม แต่ถ้าช่วงไหนเศรษฐกิจย่ำแย่ ผลประกอบการก็มักจะตกต่ำเช่นกัน - หุ้นที่ทำธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์
สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน, ยางพารา, เหล็ก ที่ราคาจะล้อตามตลาดโลก ทำให้บริษัทไม่สามารถควบคุมราคาสินค้าได้ด้วยตัวเอง
หุ้นวัฏจักร มีอะไรบ้าง ?
หากใครยังนึกไม่ออกว่าหุ้นหุ้นวัฏจักรนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ลองมาดูตัวอย่างหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ธุรกิจผันผวนตามเศรษกิจ
- หุ้นอสังหาริมทรัพย์
เช่น LH, SPALI, PSH, AP - หุ้นวัสดุก่อสร้าง
เช่น SCC, TOA, TPIPL, TASCO - หุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์
เช่น STANLY, PCSGH, SAT, AH - หุ้นธนาคาร
เช่น KBANK, SCB, BBL, BAY - หุ้นเดินเรือ
เช่น RCL, TTA, PSL, PRM
กลุ่มที่สองจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)
- หุ้นน้ำมัน-ปีโตรเคมี
เช่น PTTEP, TOP, IVL, BAFS - หุ้นถ่านหิน-เหล็ก
เช่น BANPU, TSTH, TMT, MCS - หุ้นบรรจุภัณฑ์
เช่น SCGP, PTL, ALUCON, TPB - หุ้นสินค้าเกษตร
เช่น STA, NER, UVAN, TWPC
ต้องรู้อะไรก่อนลงทุนหุ้นวัฏจักร
- ติดตามภาพรวมเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
ธรรมชาติของหุ้นกลุ่มนี้จะเคลื่อนไหวตามทิศทางเศรษฐกิจ เมื่อเห็นว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว เราจะต้องรีบขายหุ้นออกไป แต่หากเศรษฐกิจกำลังจะปรับตัวขึ้น ราคาของหุ้นก็จะเริ่มดีขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่า Turnaround เราจึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด - เข้าใจ cycle ของธุรกิจนั้นๆ
ผลประกอบการของหุ้นวัฏจักร มักอิงอยู่กับราคาสินค้าโภคภัณฑ์นั้นๆ ซึ่งแปรไปตามกลไกตลาดโลก โดยที่บริษัทแทบจะไม่มีความสามารถในการควบคุมราคาได้เลย นักลงทุนจึงควรเข้าใจกลไกราคาของอุตสาหกรรมนั้นเป็นอย่างดี เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างราคาโภคภัณฑ์กับผลประกอบการของบริษัท - กล้าที่จะจับจังหวะเก็งกำไร
การเลือกที่จะเล่นหุ้นวัฏจักร แปลว่าเรามีความชัดเจนแต่แรกแล้วว่าจะเน้นที่กำไรจาก Capital Gain (ส่วนต่างราคาหุ้น) เป็นหลัก ส่วนเงินปันผลเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น - อย่าประเมินมูลค่าหุ้นด้วย P/E
ไม่ควรใช้ P/E ประเมินมูลค่าหุ้นวัฏจักร เพราะหุ้น P/E สูงนั้นไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป หากธุรกิจกำลังอยู่ช่วงพีค และหุ้น P/E ต่ำ ก็ไม่ได้แปลว่าจะถูกเสมอไป หากธุรกิจกำลังเข้าสู่ขาลง อย่างไรก็ดี เรานิยมใช้ P/E เพื่อสังเกตวงรอบธุรกิจมากกว่า - ไม่เหมาะกับการ DCA
คอนเซ็ปต์ของการ DCA คือการซื้อเฉลี่ยต้นทุน เพื่อสะสมหุ้นที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว วิธีนี้จึงไม่เหมาะเลยกับหุ้นวัฎจักร เนื่องจากราคาหุ้นที่ขึ้นๆ ลงๆ เป็นรอบ ทำให้การลงทุนนานๆ ไม่ได้ช่วยให้เราได้ผลตอบแทนเยอะขึ้น
ข้อดี – ข้อเสีย ของหุ้นวัฏจักร
สุดท้ายนี้ ใครคิดจะลงทุนหุ้นวัฏจักร ต้องเขียนตัวใหญ่ๆ เลยว่าไม่ง่ายเลยครับ และต้องถามตัวเองให้ดีว่าเรารับมือกับความผันผวนได้แค่ไหน
เพราะถึงแม้หุ้นวัฏจักร คือ หุ้นเด้งที่มีโอกาสทำกำไรได้มากที่สุด แต่ก็เป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงมากที่สุดเช่นเดียวกัน
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb
กลุ่มความรู้นักลงทุน: http://bit.ly/3clAwZ2
กลุ่มพัฒนาตัวเอง: http://bit.ly/3ejPXnk