BCAP Dynamic Wealth Portfolio ปรับพอร์ตให้ยืดหยุ่น พร้อมลงทุนได้ทุกสถานการณ์
เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่กำลังลงทุนอยู่ในสินทรัพย์ต่าง ๆ ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ หุ้น หรือกองทุน มีความผันผวนมาก ยากต่อการตัดสินใจลงทุน
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับมือใหม่ การลงทุนในตลาดที่มีความผันผวนสูง และมีแนวโน้มเข้าสู่ขาลง เป็นสิ่งที่ทำให้มือใหม่ไม่กล้าที่จะเริ่มต้นลงทุน
แต่ในวันนี้ FinSpace เจอพอร์ตการลงทุนที่น่าสนใจมาฝากเพื่อน ๆ ทั้งมือใหม่และคนที่มีประสบการณ์ แต่ไม่มีเวลาศึกษาลงทุน นั่นคือ BCAP Dynamic Wealth Portfolio ที่มีมือโปรช่วยปรับพอร์ตให้ยืดหยุ่น และลงทุนได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงไหน มีอะไรที่น่าสนใจ มาดูไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
ทำความรู้จัก บลจ. BCAP
BCAP หรือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด เป็นอีกหนึ่ง บลจ. ในเครือธนาคารกรุงเทพ และเป็นบริษัทลูกของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด(มหาชน) ที่มีประสบการณ์บริหารเงินลงทุนมายาวนานกว่า 20 ปี
โดยกองทุนของ บลจ.มุ่งเน้นการบริหารแบบ Active Management คัดสรรโอกาสการลงทุนจากทั่วโลก โดยผ่านกองทุน ETF เป็นหลัก ตามสโลแกน thinkGLOBAL
กลยุทธ์การลงทุนและสินทรัพย์ใน Portfolio
สำหรับกลยุทธ์ที่ BCAP Dynamic Wealth Portfolio ใช้ จะเน้นไปที่การบริหารความเสี่ยง และเพิ่มความยืดหยุ่นในการสร้างโอกาสลงทุนด้วยวิธี Tactical Asset Allocation ซึ่งเน้นการปรับพอร์ตให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงเหมาะสมกับแนวโน้มของเศรษฐกิจในระยะสั้น
โดยสินทรัพย์ที่กองทุนนี้ลงทุน มีอยู่ด้วยกัน 5 ประเภท คือ
1.หุ้น (สัดส่วนรวมประมาณ 35%) สำหรับสร้างผลตอบแทนในระยะยาว โดยลงทุนทั้งหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศผ่าน 2 กองทุน ได้แก่
- BCAP-TEQ (หุ้นไทย) 10%
เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทย ทั้งหุ้นที่จดทะเบียนใน SET และ/หรือ mai ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์ลงทุน (NAV)
- BCAP-GE (หุ้นโลก) 25%
ลงทุนในหุ้นต่างประเทศทั่วโลกผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ โดยลงทุนตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และสัดส่วนการลงทุนแต่ละกองทุนลงได้ไม่เกิน 79% ของ NAV ซึ่งกองทุนปลายทางจะกระจายลงทุนหรือเน้นลงทุนเฉพาะประเทศในบางช่วง
2.ตราสารหนี้ (สัดส่วนรวม 20%) สำหรับสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยลงทุนทั้งตราสารหนี้ในไทยและต่างประเทศผ่าน 2 กองทุน ได้แก่
- BCAP-MFIX (ตราสารหนี้ไทย) 10%
ลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้เทียบเท่าเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนของไทย ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment grade โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
- BCAP-GFIA (ตราสารหนี้ต่างประเทศ) 10%
ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศทั่วโลกผ่านหน่วยลงทุน โดยลงทุนตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และสัดส่วนการลงทุนแต่ละกองทุนลงได้ไม่เกิน 79% ของ NAV
3.การลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) (สัดส่วนรวม 10%) เน้นการกระจายความเสี่ยง เช่น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ผ่าน 2 กองทุน ได้แก่
- BCAP-GOLD 5%
ลงทุนในทองคำผ่านกองทุนรวมทองคำต่างประเทศ และ/หรือผ่าน ETF ต่างประเทศ ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และสัดส่วนการลงทุนแต่ละกองทุนลงได้ไม่เกิน 79% ของ NAV
- BCAP-GPROP (REITs&Infra ในไทยและทั่วโลก) 5%
ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) และ REITs ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และสัดส่วนการลงทุนแต่ละกองทุนลงได้ไม่เกิน 79% ของ NAV
4.Tactical Allocation (สัดส่วนรวม 30%) สำหรับสร้างความยืดหยุ่นและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสภาวะตลาด โดยลงทุนในกองทุนรวมผสม ได้แก่
- BCAP-GTAC 30%
กระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ ตราสารทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน เงินฝาก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
5.Satellite (สัดส่วนรวม 5%) สำหรับโอกาสการลงทุนอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การลงทุนระยะสั้น หรือ การลงทุนตามธีม Thematic Investment ได้แก่
- BCAP-CTECH 5%
ลงทุนในหุ้นจีนที่ทำธุรกิจเทคโนโลยี โดยกระจายลงทุนตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และสัดส่วนการลงทุนแต่ละกองทุนลงได้ไม่เกิน 79% ของ NAV
สำหรับผลตอบแทนและความเสี่ยง ทาง บลจ. ได้มีการทดสอบย้อนหลัง จะได้
- ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี เป็น 6.02%
- ความผันผวนเฉลี่ยต่อปี เป็น 7.21%
- Maximum Drawdown เป็น 19.61%
- Annualized Sharpe Ratio เป็น 0.5263
*ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565
กลยุทธ์ปรับพอร์ตของ BCAP
ในการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทาง BCAP มีเคล็ดลับในการปรับพอร์ตโดยเน้นไปที่ความเร็ว และความยืดหยุ่น โดยมี 3 ปัจจัยในการประกอบการตัดสินใจปรับพอร์ต คือ
1.เศรษฐกิจ
เป็นการนำนโยบายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อ การเติบโตของเศรษฐกิจ นโยบายการเงินและการคลังมาใช้ในการพิจารณาลงทุนสินทรัพย์ลงทุนที่ได้รับประโยชน์ ซึ่งจะมีการวิเคราะห์ทุก 1-2 ปี
2.มูลค่าพื้นฐาน
นอกจากปัจจัยเศรษฐกิจแล้ว การประเมินมูลค่าของกิจการที่ลงทุนเพื่อให้ได้หุ้นที่ใช่เข้าพอร์ต เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยมืออาชีพจาก BCAP จะใช้อัตราส่วนทางการเงินที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น P/E Ratio, P/BV Ratio หรือ Earning Yield Gap มาพิจารณา โดยจะนำปัจจัยนี้มาประกอบการวิเคราะห์ทุกครึ่งปี – 1 ปี
3.อารมณ์ของตลาด
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้นหรือลงอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ ข่าวสาร มุมมองของนักลงทุนต่อสินทรัพย์ลงทุนนั้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีผลต่อ Fund Flow ในการลงทุน โดยวิเคราะห์กลยุทธ์ดังกล่าวทุกไตรมาส – 1 ปี
สรุปข้อมูล BCAP Dynamic Wealth Portfolio
ได้เห็นทั้งหน้าตาของ Portfolio ผลทดสอบย้อนหลัง เคล็ดลับในการ Rebalance พอร์ตแล้ว เพื่อน ๆ อาจสงสัยว่า พอร์ตนี้เหมาะกับเราหรือไม่ ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ เราขอสรุปมาให้แบบกระชับ 4 ประเด็นให้เห็นภาพมากขึ้น
1.ความเสี่ยง
พอร์ตลงทุนดังกล่าวถูกจัดอยู่ในความเสี่ยงระดับ 5 ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง
2.เงินลงทุนขั้นต่ำ
สำหรับเงินลงทุนขั้นต่ำในครั้งแรกอยู่ที่ 500,000 บาท ครั้งถัดไป 50,000 บาท แต่สำหรับคนที่ต้องการลงทุนแบบ DCA ลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาทต่อเดือน
3.ระยะเวลาในการลงทุน
Portfolio ดังกล่าวเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีระยะเวลาในการลงทุนมากกว่า 1 ปีขึ้นไป
4.มีการกระจายลงทุนที่หลากหลาย
พอร์ตดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์แล้ว ยังมีการปรับพอร์ตให้เข้ากับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงอีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-026-5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
หรือ สำหรับใครที่ต้องการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของพอร์ตลงทุน BCAP Dynamic Wealth Portfolio สามารถศึกษาได้ที่ www.bcap.co.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-618-1599 และ Facebook Page : BCAP Asset
สนใจลงทุน BCAP Dynamic Wealth Portfolio คลิก
https://finno.me/FHPFireMakerFinSpaceBCAP
หมายเหตุ : ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb
กลุ่มความรู้นักลงทุน: http://bit.ly/3clAwZ2
กลุ่มพัฒนาตัวเอง: http://bit.ly/3ejPXnk
กลุ่มคริปโต บิทคอยน์ NFT: https://bit.ly/3J8LS1W