BYD รถยนต์ไฟฟ้าจีนตัวตึง จะมาดึง Tesla ลงจากบัลลังก์ได้หรือไม่?
ไม่นานมานี้ FinSpace ไปเจอผลประกอบการณ์ของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนเจ้าหนึ่งมา นั่นก็คือ BYD และข้อมูลที่อยากจะหยิบมาแชร์ในวันนี้ก็คือ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD แซงหน้า Tesla ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ในปี 2022 ที่ผ่านมา โดยตัวตึงจากจีนรายนี้ส่งมอบรถได้มากกว่า Tesla ถึง 40% เลยทีเดียว
ถ้าเราลองไปดูยอดขายปีก่อนของทั้ง 2 เจ้าจะพบว่า
- BYD ขายรถได้ 1,860,000 คัน
- Tesla ขายรถได้ 1,310,000 คัน
แต่เราต้องบอกว่ายอดขาย 1,860,000 คันของ BYD เป็นการนับรวมทั้งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV: Battery Electric Vehicle) และรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV: Plug-in Hybrid) แต่ถ้าแยกเป็นแต่ละแบบเลย BYD มียอดขายในปีที่ผ่านมาดังนั้น
- รถยนต์ไฟฟ้าล้วน 911,000 คัน
- รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด 946,000 คัน
ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นของ Tesla จะเป็นแบบไฟฟ้าล้วนอยู่แล้ว
พูดง่าย ๆ ว่า ถ้านับเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าล้วน Tesla ก็ยังเหนือกว่าตัวตึงอย่าง BYD และยังครองตำแหน่งแบรนด์ที่ส่งมอบ BEV ได้มากที่สุดในโลกเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
สาเหตุที่เรามักจะเห็นสื่อต่าง ๆ รายงานยอดรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนโดยนับรวม BEV และ PHEV เอาไว้ด้วยกัน เป็นเพราะรัฐบาลจีนเรียกรถในหมวดนี้รวม ๆ กันว่า รถยนต์พลังงานใหม่ (NEV: New Energy Vehicle) ทำให้บริษัทยานยนต์ต่าง ๆ รายงานยอดขายของตัวเองรวมกัน
BYD อยู่ตรงไหนในระดับโลก?
BYD คือค่ายรถที่เหมาะกับตำแหน่งตัวตึงอย่างแท้จริง เพราะเป็นบริษัทยานยนต์ที่มี Market Cap มากเป็นอันดับ 3 ของโลก (เป็นรองแค่ Tesla และ Toyota เท่านั้น) เป็นแบรนด์จีนที่ใหญ่ที่สุด แถมยังมีส่วนแบ่งตลาด NEV ในจีนเกือบ 1 ใน 3 จากทั้งหมด 6.4 ล้านคน พูดง่าย ๆ ว่า BYD คือม้าตัวใหญ่ที่มีศักยภาพพอจะเขย่าวงการยานยนต์แห่งอนาคตให้สะเทือนได้
จุดเด่นของ BYD ที่สร้างความได้เปรียบเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นไม่ว่าจะเป็น Tesla เจ้าตลาดจากสหรัฐฯ หรือ Volkswagen ที่เป็นเจ้าตลาดฝั่งยุโรป คือราคาที่ย่อมเยากว่า ถ้าเราลองมาดูราคารถโมเดลยอดนิยมของแต่ละแบรนด์ก็จะเห็นภาพนี้ชัดขึ้น
- Tesla Model 3 ราคาในไทยเริ่มต้น 1.749 ล้านบาท
- BYD Atto 3 ราคาในไทยเริ่มต้น 1.099 ล้านบาท
แต่ในภาพกลับกัน ด้วยการที่ผู้บริโภคมั่นใจเทคโนโลยีของ Tesla (ที่ต้องยอมรับว่านำหน้าคู่แข่งเจ้าอื่นอยู่หลายก้าว) แม้ว่าจะมีราคารถสูง ทำให้กำไรของ Tesla โดดเด่นมาหลายไตรมาส โดยล่าสุดในไตรมาส 3 ปี 2022 Tesla มีกำไร 3,290 ล้านเหรียญ เติบโต 100% เทียบกับปีก่อนหน้า
แต่ก็ห้ามประมาท BYD เพราะแม้จะมีกำไรที่ 836 ล้านเหรียญ แต่นี่คือการเติบโตดุดันในอัตรากว่า 350% (และต้องไม่ลืมว่ามียอดขายรถนำหน้า Tesla ไปแล้ว)
อ้างอิงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดและอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2023
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้เจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มา
- https://www.scmp.com/business/china-business/article/3205388/byd-beats-tesla-2022-ev-sales-worlds-no-1-electric-car-seller-vindicated-warren-buffetts-bet
- https://jalopnik.com/byd-overcomes-tesla-to-become-worlds-largest-ev-maker-1849949551
- https://www.google.com/finance/quote/TSLA:NASDAQ?hl=en
- https://www.google.com/finance/quote/1211:HKG?hl=en
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb