FinSpace

First Jobber ซื้อประกันให้ตัวเองแบบไหนดี ?

ซื้อประกันแบบไหนดี

บทความนี้เรื่องเล่าจากชีวิตจริงค่ะ ใน 1 ปีที่ผ่านมานี้ที่เราเริ่มเข้าสู่ชีวิตการทำงาน เราเข้าโรงพยาบาลบ่อยมากๆ ทั้งแบบ OPD (ผู้ป่วยนอก ไปหาหมอ รับยา แล้วกลับ) ประมาณ 10 ครั้ง และ IPD (ผู้ป่วยใน นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล) 3 ครั้ง

Advertisements

ซึ่งในชีวิตเรา นอกจากวันที่เกิดมาลืมตาดูโลก ก็ไม่เคยเข้าโรงพยาบาลอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เข้าโรงพยาบาลบ่อยขนาดนี้ จ่ายค่ารักษาเองทั้งหมดก็คงไม่ไหว ใช่ค่ะ เรามีทำประกันไว้ เลยอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆ ชาว First Jobber ที่สนใจคิดอยากจะประกันได้อ่านกันว่าควรจะเลือกซื้ออย่างไรดี

ปล. บทความนี้ไม่มีการขายของ ไม่ต้องกลัวว่าเราจะขายประกันนะคะ เราไม่มี License ตัวแทน สบายใจได้ค่ะ อยากมาแชร์ให้ได้อ่านกันจริงๆ

First Jobber Get Wealth Soon page01

เราเป็นคนนึงที่เคยมองคำว่า “ประกันชีวิต” เป็นแง่ลบ แต่พอเราได้เรียนวิชาในสาขาคณิตศาสตร์ประกันภัย (เราเลือกเป็นวิชาโท) ทำให้ได้รู้จักประกันในรูปแบบต่างๆ รู้จักข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ จริงๆ ก็ไม่ใช่ข้อดีข้อเสียหรอก เราว่ามันอยู่ที่ประกันรูปแบบไหน เหมาะกับใครมากกว่า ก็เลยเดินไปบอกคุณแม่ว่าอยากทำ ซึ่งท่านเห็นด้วยกับการทำประกันอยู่แล้ว เพราะคุณพ่อเราป่วยหนักปีละครั้ง ค่ารักษาตัวในแต่ละครั้ง แพงกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายต่อปีหลายเท่า เราเลยเริ่มมีประกันชีวิตตอนอายุ 19 ปี

เคยมองคำว่า “ประกันชีวิต” เป็นแง่ลบ

คุณพ่อป่วยหนักปีละครั้ง ค่ารักษาตัวในแต่ละครั้ง แพงกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายต่อปีหลายเท่า

First Jobber Get Wealth Soon page02

เราอยากให้เพื่อนๆ ลองสังเกตร่างกายตัวเองกันดูค่ะ ว่าเราในวันนี้กับเราสมัยยังเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เราป่วยง่ายขึ้นไหม? เวลาเดินขึ้นบันไดหลายๆ ชั้น หรือ เดินข้ามสะพานลอย หัวใจเราเต้นแรงขึ้นไหม? เวลานอนดึกแล้วต้องตื่นเช้าๆ เราเพลียมากกว่าเดิมไหม? เพราะตัวอย่างที่กล่าวมานี้ เกิดขึ้นกับเราทั้งหมดเลยค่ะ

สมัยยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เราออกกำลังกายเป็นประจำ ในมหาลัยก็มีต้นไม้เยอะ ไม่ค่อยมีฝุ่นควัน แต่พอเริ่มทำงาน แน่นอนว่าทำงานในเมือง สภาพอากาศก็เปลี่ยนไปแล้ว เจอปัญหาฝุ่นควัน โพรงจมูกกับคอเราอักเสบไป 2 รอบ บวกกับอาจจะมีความเครียดเข้ามาทักทายเป็นช่วงๆ แถมยังไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เลยไปกันใหญ่เลยทีนี้
ดีที่มีประกันอยู่แล้ว ทั้งประกันแบบส่วนตัว และประกันของบริษัท ทำให้บางครั้งก็ไม่ต้องจ่ายส่วนต่างเลยแม้แต่บาทเดียว

เราในวันนี้กับสมัยยังเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ร่างกายไม่เหมือนเดิมแล้วเหนื่อยง่าย

Advertisements

เพลียง่าย นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

First Jobber Get Wealth Soon page03

มาทำความรู้จักกับประเภทของประกันชีวิตกันหน่อยดีกว่า ประกันชีวิตมีอยู่ 5 ประเภท แต่ละประเภทจะเหมาะกับใคร มาอ่านกันต่อเลยค่ะ

First Jobber Get Wealth Soon page04

First Jobber Get Wealth Soon page05

First Jobber Get Wealth Soon page06

Advertisements

แบบที่เราทำคือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ จ่ายเบี้ยประกันปีละประมาณ 20,000 บาท ซึ่งได้เห็นข้อดีข้อเสียไปตามด้านบนแล้ว ด้วย Lifestyle เราตอนนี้ ที่อยากเน้นเรื่องสุขภาพมากกว่าชีวิต เราเลยรู้สึกว่าแบบสะสมทรัพย์ ไม่เหมาะสำหรับเรา

ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่ามี Lifestyle คล้ายๆ เรา ต้องการเน้นที่ประกันสุขภาพเหมือนเรา จะเหมาะกับการทำประกันชีวิตแบบตลอดชีพ + ประกันสุขภาพที่พ่วงประกันโรคร้ายแรงเข้ามาด้วย ซึ่งการเลือกแบบนี้ทำให้การที่จ่ายเบี้ยประกันต่อปีเท่ากับของเดิม สิ่งที่ได้ คือ

1. ทุนประกันชีวิต พอๆ กับของเดิม
2. ค่าห้อง พอๆ กับของเดิม มีเงินชดเชยรายวันเพิ่มเข้ามา
3. ค่ารักษาพยาบาล มากกว่าเดิม เป็นแบบเหมาจ่าย
4. โรคร้ายแรง* ของเดิมไม่มี

*ที่เราอยากทำประกันโรคร้ายแรงเพิ่ม เพราะรอบล่าสุดที่เข้าโรงพยาบาล มีอาการปวดท้องหนักมาก จนต้องส่องกล้องดูกระเพาะ ถึงจะใช้เวลาส่องกล้องแค่ 10 นาที แต่ก็เกิดความกลัวขึ้นมาว่าอนาคาตจะเป็นอะไรมากกว่านี้รึเปล่า

วันนี้ฝากไว้เท่านี้สำหรับ “First Jobber ซื้อประกันให้ตัวเองแบบไหนดี?” ตอนถัดไปเรามาดูกันต่อว่าเมื่อเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับตัวเองได้แล้ว ควรจ่ายเบี้ยปีละเท่าไหร่? และจะเก็บเงินเพื่อจ่ายเบี้ยในรูปแบบไหนดี ติดตามตอนต่อไปได้ในเร็วๆ นี้ค่ะ

First Jobber Get Wealth Soon page07

ติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่ Guru – Get Wealth Soon  หรือ Facebook Get Wealth Soon

Advertisements

Get Wealth Soon

Related post

Advertisements