แจกเทคนิค ตะแกรงหุ้น 6 ชั้น กรองหุ้นดี คัดหุ้นคุณภาพ สไตล์ ดร.นิเวศน์
เชื่อว่าคนที่ลงทุนหรือสนใจการลงทุนในหุ้นหลายๆ คน ต้องมี ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร Value Investor ระดับแนวหน้าเป็นเสมือนต้นแบบด้านการลงทุน
และทางดร. นิเวศน์ ก็เคยนำเสนอแนวและเรียบเรียงออกมาเป็นหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งขึ้นหิ้งเป็นหนังสือต้องอ่านสำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า นั่นก็คือ “ตีแตก : กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต” โดยในเนื้อหาตอนหนึ่งของหนังสือมีการพูดถึง “วิธีคัดหุ้นเบื้องต้น”
ในวันนี้ เราจะหยิบเนื้อหาบางส่วนว่าด้วยการคัดหุ้นจากหนังสือดังกล่าวมานำเสนอ แล้วตะแกรงหุ้น 6 ชั้น ตามสไตล์ ดร. นิเวศน์ จะมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันเลย!
ตะแกรงหุ้น 6 ชั้น กรองหุ้นดี คัดหุ้นคุณภาพ
1. กำไร
- กำไรก้อนนั้นต้องสูงพอ
- ดูทั้งแบบไตรมาสต่อไตรมาส แบบปีต่อปี และต้องดีอย่างต่อเนื่อง
- เป็นชั้นแรก เพราะกำไร = ตัวที่จะทำให้หุ้นขึ้นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
2. ยอดขาย
- ต้องดีอย่างต่อเนื่อง
- ยอดขายเพิ่มแม้ในเศรษฐกิจไม่ดียิ่งน่าจับตามอง
- เพราะบางกรณี ยอดขายเพิ่ม กำไรยังไม่เพิ่มชัด อาจเป็นเครื่องหมายวันหน้ากำไรงามได้
3. กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)
- ยิ่งมาก ยิ่งดี
- เป็นเครื่องชี้ว่าธุรกิจนั้นๆ ทำกำไรได้ดีแค่ไหน (เทียบกับเงินที่ใส่ไป)
- ต้องคิดต่อหาก ROE สูงจาก “กำไรจากรายการพิเศษ” หรือ “ส่วนของผู้ถือหุ้นที่น้อยมาก”
- ถ้า RoE สูงจากการที่ส่วนของผู้ถือหุ้นที่น้อย ก็อาจสื่อว่าธุรกิจมีปัญหา
4. มูลค่าหุ้นทั้งบริษัท (Market Cap.)
- หาได้จาก ราคา x จำนวนหุ้น
- มูลค่าต้องสมเหตุสมผลไม่เกินความจริง ป้องกันการจ่ายเงินเกินจริงเพื่อธุรกิจที่สถานะไม่ดีนัก
- สนใจหุ้นที่มีมูลค่าค่อนข้างต่ำ แต่ธุรกิจค่อนข้างใหญ่ (ฐานการตลาดดี เป็นผู้นำธุรกิจ กำไรสม่ำเสมอ)
5. P/E Ratio
- P = ราคาหุ้น, E = กำไรต่อหุ้น
- เป็นตัววัดความถูกแพงของราคาหุ้นแต่ละตัว
- ยิ่งต่ำ ยิ่งดี (ในทางทฤษฎี P/E = 1 หมายถึงให้ผลตอบแทนคืนทุนใน 1 ปี, P/E = 15 คือคืนทุนใน 15 ปี)
- แต่ในทางปฏิบัติ แม้ P/E ต่ำ ก็ควรต้องศึกษาดูก่อน (เช่นบางครั้งมีกำไรต่อหุ้นสูงแต่ก็จ่ายปันผลไม่ได้เนื่องจากบริษัทมีเงินสดน้อย เป็นต้น)
6. P/BV Ratio
- P = ราคาหุ้น (มูลค่าหุ้นตามราคาตลาด), BV = มูลค่าหุ้นตามบัญชี
- ยิ่งต่ำ ยิ่งดี เป็นตัววัดความถูกแพงของหุ้นอีกตัว
- ถ้า P น้อยกว่า BV (หรือ P/BV < 1) หมายถึงเราใช้เงินลงทุนในกิจการถูกกว่าที่บริษัทลงทุนไปก่อนหน้านี้
- บางธุรกิจกำไรอาจผันผวนในบางครั้งซึ่งทำให้ P/E เหวี่ยงตาม เราจึงใช้ P/BV มาประกอบ
- ช่วยบอกเราว่าราคาหุ้นเมื่อเทียบกับเงินทุนที่บริษัทใส่ลงไปในกิจการเป็นอย่างไร
- ปกติแล้ว P มักจะมากกว่า BV เนื่องจากมีค่าความนิยมที่ไม่ปรากฏในบัญชี
สรุป การค้นหาหุ้นโดยใช้ตะแกรงร่อนกันอีกครั้ง
- กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี
- ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี
- กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูง
- มูลค่าหุ้นทั้งบริษัท (Market Cap.) สมเหตุสมผล
- หุ้น P/E ยิ่งต่ำ ยิ่งน่าสนใจ
- หุ้น P/BV ยิ่งต่ำ ยิ่งน่าสนใจ
ทั้งหมดนี้คือ “วิธีคัดหุ้นเบื้องต้น” ตามสไตล์เบื้องต้น นักลงทุนสามารถศึกษาเข้าถึงเนื้อหาด้านการลงทุนที่ทรงคุณค่าจาก Value Investor ผู้คร่ำหวอดอย่าง ดร. นิเวศน์ เพิ่มเติมได้ในหนังสือ ตีแตก : กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต นอกจากนี้ ก็ยังสามารถติดตามได้ในหนังสือเล่มอื่นๆ และรายการตามสื่อต่างๆ อีกมากมาย
ที่มา
- ตีแตก : กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb
กลุ่มความรู้นักลงทุน: http://bit.ly/3clAwZ2
กลุ่มพัฒนาตัวเอง: http://bit.ly/3ejPXnk
กลุ่มคริปโต บิทคอยน์ NFT: https://bit.ly/3J8LS1W