IKIGAI วิถีชีวิตเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น
#FSSpecialcolumnists x วันทำงานของม่อน l IKIGAI วิถีชีวิตเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น กินน้อย ออกกำลังกายบ้าง ทำสิ่งที่ชอบ ไม่ต้องสมบูรณ์แบบก็ได้
.
ถ้าจะพูดถึง Ikigai ก็อาจจะหาคำมาอธิบาย
ความหมายของคำคำนี้ได้ยากหน่อย
.
อาจจะหมายความถึง “ความสุขอันเกิดจากการมีอะไรให้ทำตลอดเวลา”
แล้วความสุขแบบนี้มันเป็นแบบไหนนะ
.
หรือจะเป็น “เหตุผลที่เราตื่นนอนขึ้นมาในแต่ละวัน”
แล้วเหตุผลในการตื่นของเพื่อนๆ คืออะไร
.
มาติดตามความหมายของ Ikigai กันในสัปดาห์นี้กันนะ
กุญแจสู่การมีอายุยืน
ตามข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์
ซึ่งศึกษาวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ที่มีอายุยืนพบว่า
กุญแจสู่การมีอายุยืนได้แก่
.
อาหาร
การออกกำลังกาย
การมีจุดหมายในชีวิตหรืออิคิไก
ตลอดจนการมีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี
หรือมีเพื่อนจำนวนมาก
และมีความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว
.
คนญี่ปุ่นมักรับประทานอาหารแค่เพียง 80%
หรือเราอาจจะทานแค่พอกิน
เทคนิคสำคัญคือการเสิร์ฟอาหาร
ที่ประกอบไปด้วยอาหารจาน 5 จาน
โดย 4 จานแรกจะเป็นจานเล็กๆ
ส่วนจานหลักจะใหญ่กว่า4 จานแรกเล็กน้อย
.
การรับประทานอาหาร 5 จานตรงหน้า
จะรู้สึกเหมือนเรารับประทานอาหารไปเยอะ
แต่ความเป็นจริงยังรู้สึกไม่ได้อิ่มมาก
.
นอกจากนั้น คนญี่ปุ่นมักนิยมรวมกลุ่ม
คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันซึ่งนำมาซึ่งความมั่นคงปลอดภัย
มีส่วนส่งเสริมให้คนเหล่านี้มีอายุขัยสูงขึ้น
เคล็ดลับต้านชรา
เซลล์ประสาทของมนุษย์เริ่มชราตั้งแต่เราอายุ 20 ปี
แต่กระบวนการนี้จะชะลอลงได้
เมื่อเราทำงานที่ต้องใช้สมอง
อย่างเช่นการเล่นและสังสรรค์กับผู้อื่น
จะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการชะลอความชราของสมอง
.
สถาบันความเครียดแห่งสหรัฐอเมริกาสรุปว่า
ปัญหาสุขภาพส่วนใหญ่
มีสาเหตุมาจาก ความเครียด
.
จริงๆแล้วการมีอุปสรรคหรือเรื่องท้าทาย
จะดีต่อร่างกายและสมองเพราะช่วยให้รู้สึกกระฉับกระเฉง
แต่อย่างไรก็ดี ถ้ามันเกิดปัญหาความเครียดต่อเนื่อง
ก็จะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ ที่นำไปสู่ความชราก่อนวัยอันควร
.
วิธีบรรเทาความเครียดตามฉบับญี่ปุ่น
อาบน้ำให้นานกว่าปกติ
จัดสิ่งของรอบตัวให้เป็นระเบียบ
ออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย
รับประทานอาหารหลากหลาย
นวดศีรษะโดยใช้นิ้วกดจุด
ทำสมาธิ
.
การทำสมาธิ โฟกัสที่ลมหายใจเข้าออก
ช่วยบรรเทาความเครียดได้ดี
.มีงานวิจัยที่ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์กว่า 20 ปี
ได้ข้อสรุปว่าบุคคลที่มีความเครียดระดับต่ำ
จะกล้าเผชิญอุปสรรคและมีความอุตสาหะ
ในการทำงานมากกว่าเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
คนกลุ่มนี้จะอายุยืนกว่าคนกลุ่มคนที่เลือกใช้ชีวิต
แบบสุขสบายและเกษียณอายุเร็ว
.
ดังนั้นลองเปลี่ยนพฤติกรรม
ให้ใช้ชีวิตแบบกระฉับกระเฉง
จะช่วยให้รู้สึกดีทั้งภายในและภายนอก
.
ความลับของร่างกายอันอ่อนเยาว์
อยู่ที่การทำให้ สมองได้ทำงานอยู่เสมอ
.
งานวิจัย พบว่า บรรดาผู้มีอายุยืน
มีทางทัศนคติการใช้ชีวิตที่สำคัญตรงกัน 2 ประการ คือ
มองโลกในแง่บวกและรู้จักอารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอย่างดี
หาความหมายแห่งชีวิต
จิตบำบัดแนวแสวงหาความหมายแห่งชีวิต
หรือโลโก้เทอราปี มีเป้าหมายคือ
ช่วยให้คุณค้นพบเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่
.
คนที่มีเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงมีชีวิตอยู่นั้น
จะสามารถทนกับอะไรอะไรก็ได้เกือบทุกอย่าง
.
มนุษย์เราไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่อย่างสงบ
แต่ต้องมีความท้าทาย
เพื่อให้ได้ใช้ความสามารถทุกอย่างที่มีและได้ต่อสู้บ้าง
.
ยกตัวอย่างอาการป่วยทางจิตในวันอาทิตย์
จะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลนั้นได้หยุดจากภาระ
และความรีบเร่งตลอดทั้งสัปดาห์
ทำให้ตระหนักถึงความว่างเปล่าภายใน
และจำเป็นต้องหาทางออกนั่นก็คือ
การมีจุดมุ่งหมาย การต้องมีเหตุผล
ที่ทำให้อยากลุกจากเตียงหรือมีอิคิไกนั่นเอง
.
มนุษย์ไม่ได้กำหนดความหมายในการมีชีวิต
แต่แท้จริงแล้วมนุษย์กำลังค้นพบ
ความหมายในการมีชีวิตอยู่ต่างหาก
.
การบำบัดแบบโมริตะที่จะนำพาไปค้นพบอิคิไก
.
1. ยอมรับความรู้สึกของตนเอง
2. ทำในสิ่งที่ควรทำ
หาให้เจอว่าเราควรต้องทำอะไร
เราจำเป็นต้องลงมือทำอะไรในตอนนี้
.
3. ค้นพบเป้าหมายสำคัญในชีวิต
จากการควบคุมการกระทำ
นำไปสู่การมองลึกเข้าไปข้างใน
เพื่อหาเป้าหมายสำคัญในชีวิต
มีสมาธิกับสิ่งที่ทำ
มีสมาธิกับสิ่งที่ทำ
วิธีเปลี่ยนงานและเวลาว่าง
ให้เป็นพื้นที่แห่งการเติบโต
.
เราคือผลของสิ่งที่เราทำในแต่ละวัน
ความเป็นเลิศจึงไม่ใช่อยู่ที่การกระทำ
แต่อยู่ที่สิ่งที่เราทำจนเป็นนิสัย
โดยอริสโตเติล
.
การมีสมาธิ คือการดำดิ่งไปกับสิ่งที่ทำขณะนั้น
ไม่คิดไม่วอกแวกกับสิ่งอื่นๆ
และคุณได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำอยู่
.
การมีสมาธิจดจ่อลื่นไหลเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่ทำ
หรือ Flow ในภาษาอังกฤษ ถูกให้คำจำกัดความว่า
เป็นความพึงพอใจ ความยินดีความสร้างสรรค์
ตลอดจนเป็นกระบวนการที่เราจดจ่อเต็มที่กับชีวิต
กล่าวโดย มิฮาลี ชิคเซนมิฮาย
ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถพาเราเข้าสู่
ประสบการณ์อันเป็นสุขได้
.
ดังนั้นเราควรเพิ่มเวลาการทำกิจกรรม
ที่ช่วยให้เราเข้าสู่สภาวะมีสมาธิ
แทนที่จะปล่อยตัวไปกับกิจกรรม
ซึ่งทำให้มีความสุขฉับพลัน
.
เทคนิคที่ 1 เลือกงานท้าทาย
ต้องยากพอสมควรแต่ไม่ยากเกินไป
.
กิจกรรมประเภทนี้ ที่เราอยากทำไปเรื่อยๆจนเสร็จ
เพราะเราชอบเวลารู้สึกว่าเอาชนะตัวเองได้
.
เทคนิคที่ มีเป้าหมายแน่ชัดและชัดเจน
สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ
พนักงานไม่รู้ว่าทำงานนี้ไปเพื่ออะไร
แม้การมีเป้าหมายชัดเจนสำคัญต่อการเข้าสู่สมาธิ
แต่ก็ต้องรู้จักปล่อยวางบ้างขณะลงมือทำ
ครั้นเริ่มออกเดินทางเป้าหมายต้องชัดเจน
แต่เราต้องไม่หมกมุ่นกับมัน
ไม่ว่างานอะไรที่ดูว่ายาก
ทันทีที่ได้เริ่มลงมือทำ
แม้เพียงเล็กน้อยความกระวนกระวาย
จะมลายหายไปและจะรู้สึกว่าตัวเอง
มีสมาธิกับงานที่กำลังทำ
.
เทคนิคที่ 3 มีสมาธิอยู่ที่กิจกรรมเดียว
การทำหลายๆอย่างพร้อมกัน
ช่วยให้เราประหยัดเวลา
แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้เห็นผลตรงข้าม
แม้กระทั่งคนที่บอกว่าตนเองทำงาน
หลายอย่างพร้อมกันได้ดี
ก็สร้างผลงานออกมาได้น้อย
.
เราจำเป็นต้องมีสิ่งต่อไปนี้
เพื่อจะจดจ่อกับกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง
.
1. อยู่ในบรรยากาศที่ดีไม่ชวนวอกแวก
2. ควบคุมสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้ในทุกขณะ
.
หน้าที่ของผู้สร้างสรรค์ชิ้นงาน คือ
ใช้ธรรมชาติเพื่อให้ชิ้นงานมีชีวิต
เคารพธรรมชาติในทุกขณะระหว่างทำงาน
ประสานธรรมชาติเข้ากับเทคโนโลยี
หลอมรวมมนุษย์และธรรมชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
.
เราสามารถมีสมาธิในทุกย่างก้าว
และเพลิดเพลินในกิจวัตรประจำวันของเราได้
.
ระเบียบและขั้นตอนที่ชัดเจน
จะช่วยให้เรามีแนวทางและเป้าหมายที่ชัดเจน
ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าสู่สภาวะการมีสมาธิได้ง่าย
.
เมื่อใดที่เรามีเป้าหมายใหญ่ที่ต้องทำให้สำเร็จ
ให้พยายามแบ่งออกเป็นส่วนย่อยๆ
แล้วค่อยลงมือทำส่วนย่อยๆนั้นไปทีละส่วน
ขอให้มุ่งเป็นที่ความเพลิดเพลิน
กับกิจวัตรประจำวันของคุณให้มันนำพาคุณ
ไปสู่สภาวะการมีสมาธิ
อย่าไปกังวลว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ขอให้ย้ำเตือนตัวเองเสมอว่า ขั้นตอนมาก่อนผลลัพธ์
ปรมาจารย์ด้านอายุยืน
ปรมาจารย์ด้านอายุยืน
คำบอกเล่าจากผู้มีอายุยืนที่สุด
ทั้งในโลกตะวันออกและตะวันตก
.
จากการศึกษาคนที่มีอายุยืนจากทั่วโลกพบว่า
พวกเขายังคงทำงานที่รักจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
เขามองว่า ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นยิ่งมีเรื่องให้เรียนรู้
และสนุกไปกับมันอยู่เสมอ
.
ซึ่งหากคุณต้องการคงความกระฉับกระเฉงอยู่
ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำงานแล้ว
คุณต้องมีอิคิไกของตนเอง
ซึ่งจะเป็นเป้าหมายคอยนำทางคุณตลอดช่วงชีวิต
และคอยผลักดันให้คุณสรรค์สร้างความงดงาม
และประโยชน์ต่อชุมชน รวมทั้งต่อตนเอง
เคล็ดลับการมีอายุยืน
แรงบันดาลใจจากคนอายุยืน
.
เพื่อให้ได้เคล็ดลับอายุยืน
ผู้เขียนได้เดินทางไป หมู่บ้านโอะกิมิ ประเทศญี่ปุ่น
หมู่บ้านที่ได้ชื่อว่า มีผู้อายุยืนมากที่สุด
และได้สรุปเคล็ดลับการมีอายุยืนของพวกเขา
ได้เป็นประเด็นต่างๆดังนี้
.
1. อย่ากังวล
ทำใจให้สดชื่นเปิดรับผู้อื่น
ด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า
.
2. มีกิจวัตรประจำวันที่ดี
ทั้งการตื่นนอนเริ่มต้นวัน
การออกกำลังกาย รับประทานอาหาร
และสังสรรค์กับผู้คน
ล้วนมีส่วนทำให้ชีวิตของเรายืนยาวมากขึ้น
.
3. รักษามิตรภาพในแต่ละวัน
การออกไปเจอเพื่อนๆ ทักทายคนที่รู้จัก
พบปะสังสรรค์กับคนอื่น
.
4. ใช้ชีวิตอย่างไม่รีบเร่ง
มีความสุขอยู่กับทุกช่วงเวลา
จดจ่อกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่
.
5. มองโลกแง่ดี
บอกตัวเองในแต่ละวันว่า
วันนี้จะเป็นวันที่ฉันมีสุขภาพดี
และมีพลังลุยเต็มที่
.
ผู้เขียนสรุป ไว้ว่า ผู้มีอายุยืนที่นั่นมักจะมีสวนของตัวเอง
มีการรวมกลุ่มกับเพื่อนบ้านเพื่อทำกิจกรรม
พวกเขานิยมเฉลิมฉลอง
ภูมิใจกับประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น
พวกเขากระตือรือร้นกับสิ่งที่ทำ
และทำให้พวกเขายุ่งอยู่ตลอดเวลา
อาหารแบบอิคิไก
อาหารแบบอิคิไก
บรรดาผู้อายุยืนที่สุดในโลก
กินและดื่มอะไรกัน
.
จังหวัดโอกินาวะเป็นจังหวัด
ที่มีประชากรสูงอายุจำนวนมาก
ซึ่งคนที่นี่นิยมทานผักผลไม้ที่หลากหลาย
ประมาณ 7 ชนิดเป็นอย่างต่ำในแต่ละวัน
.
ซึ่งเทคนิคง่ายๆ เพื่อให้รู้ว่าอาหารบนโต๊ะ
นั้นหลากหลายเพียงพอหรือยัง
คือการดูความหลากหลายของสีของอาหาร
.
นอกจากนั้น ยังมีกฎ 80% คือ
เพียงแค่เมื่อใดที่รู้สึกอิ่มแต่ยังกินต่อได้จงหยุดกินซะ
.
เทคนิคคือการใส่จานเล็กๆจำนวนมาก
ทำให้เห็นความหลากหลายของอาหาร
จนดูให้เหมือนว่าเรารับประทานอาหารเยอะ
แต่การรับประทานอาหารแต่น้อย
ช่วยยืดอายุได้จริงหรือ
.
จากงานวิจัย พบว่าการเก็บความหิวไว้ซักนิด
หรือกฎ 80% นั้นช่วยยืดอายุความอ่อนเยาว์ของร่างกายได้
หากร่างกายได้รับปริมาณแคลอรี่ที่เพียงพออยู่เสมอ
หรือบางครั้งอาจได้รับมากเกินไป
ร่างกายจะเฉื่อยชาและทรุดโทรม
เพราะต้องใช้พลังงานปริมาณมากไปย่อยอาหาร
.
เครื่องดื่มที่นิยมของคนที่นี่ คือ ชาซัมปินชะ
ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างชาเขียวกับดอกมะลิ
ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ
ลดความเสี่ยงหัวใจวาย
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันคลายเครียด
และลดระดับคอเลสเตอรอล
.
หัวใจสำคัญอยู่ที่ชาเขียว
ที่ช่วยลดปริมาณอนุมูลอิสระ
ส่งผลต่อการรักษาความอ่อนเยาว์ได้ยาวนานขึ้น
เคลื่อนไหวร่างกายเบาๆ
การเคลื่อนไหวร่างกายเบาๆทำให้อายุยืนขึ้น
การออกกำลังกายของโลกตะวันออก
ส่งผลดีต่อสุขภาพและการมีอายุยืน
.
การออกกำลังกายเบาๆ ส่งผลดีอย่างยิ่งต่อสุขภาพ
และเหมาะเป็นพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ
ที่ออกกำลังกายได้ยาก
แต่จำเป็นต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
.
การออกกำลังกายเพื่ออุ่นเครื่องยามเช้า
หรือเรียกว่า ราจิโอ ไทโซ
ซึ่งคำว่าราจิโอ มาจากคำว่า radio
เนื่องจากว่า สมัยก่อนการบอกวิธีออกกำลังกาย
แต่ละท่ามักจะเผยแพร่ทางวิทยุ
.
ในปัจจุบันผู้คนมักออกกำลังกายประเภทนี้ตอนเช้า
เพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณของการร่วมมือกัน
และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้ที่เข้าร่วม
การฝึกมักกระทำเป็นกลุ่มเสมอ
โดยปกติจะเห็นการฝึกแบบนี้ที่โรงเรียนก่อนเริ่มเรียน
และที่ทำงานก่อนเริ่มทำงาน
.
ประเด็นสำคัญของการออกกำลังกายเบาๆ
ได้แก่ การประสานองค์ประกอบ 2 อย่างเข้าด้วยกัน
คือ 1 การเคลื่อนไหวร่างกาย
กับ 2 การรับรู้เรื่องลมหายใจ
.
องค์ประกอบ 2 อย่างนี้ช่วยให้เรารับรู้สิ่งต่างๆ
รวมทั้งร่างกายของเราด้วย
ไม่ใช่ปล่อยใจเราล่องลอยไปกับความกังวลในแต่ละวัน
ส่วนใหญ่เรามักไม่ค่อยรับรู้เรื่องลมหายใจ
ของตัวเองมากเท่าที่ควร
มีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้
มีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้และวะบิซะบิ
วิธีเผชิญปัญหาและความเปลี่ยนแปลงในชีวิต
โดยไม่แก่ชราเพราะเครียดและกังวล
.
หนึ่งในคุณลักษณะร่วมของทุกคน
ที่มีอีกไกลชัดเจน คือ
การยืนหยัดต่อสิ่งที่ตนเองรัก
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เมื่อชีวิตพลิกผัน
เมื่อทุกสิ่งล้วนเป็นอุปสรรค
พวกเขาจะไม่ยอมแพ้
และยังคงสู้ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
.
พลังมาจากความสามารถในการยืดหยุ่น
นั่นคือ รู้จักปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง
และโชคชะตาอันโหดร้าย
.
พวกเขาสนใจไปที่ปัจจัยต่างๆที่ตนควบคุมได้
โดยไม่กังวลในสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้
.
นอกจากการลองมองแง่ลบ
และไม่ปล่อยให้ตนเองถูกครอบงำ
โดยอารมณ์เชิงลบแล้ว
พื้นฐานอีกประการหนึ่งคือ
การตระหนักรู้ว่าอะไรคือ
สิ่งที่ตนเองควบคุมได้และไม่ได้
.
เอพิคเททุส ได้กล่าวไว้เช่นนี้
สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์มิใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่เป็นวิธีที่มนุษย์มองเห็นการนั้นต่างหาก
.
สิ่งเดียวที่มีอยู่จริงและเราสามารถควบคุมได้
คือ “ปัจจุบัน”
เราไม่ควรกังวลถึงอดีตหรืออนาคต
แต่ควรเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ
ณ เวลานี้ ณ ปัจจุบันขณะ
.
เราต้องมีสติรู้ว่าทุกสิ่งที่เรามี
ทุกคนที่เรารักจะอันตรธานหายไปสักวันหนึ่ง
นี่เป็นสิ่งที่เราพึงระลึกไว้เสมอ
โดยไม่กลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย
การมีสติรู้เท่าทันความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง
ไม่ได้ทำให้เราเศร้า
แต่ช่วยให้เรารักปัจจุบัน
และผู้คนรอบตัวต่างหาก
วะบิซะบิ เป็นแนวคิดของญี่ปุ่น
ที่แสดงให้เห็นความงามตามธรรมชาติ
ที่เน่าเสียได้ เปลี่ยนแปลงได้
และไม่สมบูรณ์แบบของสิ่งรอบตัว
แทนที่จะแสวงหาความงามจากสิ่งสมบูรณ์
เราก็แสวงหาความงามจากสิ่งไม่เพียบพร้อม
ไม่สมบูรณ์แบบ
.
อิชิโกะ อิชิเอะ อีกแนวคิดที่สนับสนุนว่า
ช่วงเวลานี้จะอยู่เพียง ณ ปัจจุบันนี้
และไม่หวนกลับมาอีก
คนญี่ปุ่นจะใช้แนวคิดนี้ในการรวมกลุ่มต่างๆ
เพื่อให้เราตระหนักว่า
การพบกันแต่ละครั้ง ถือเป็นเหตุการณ์เฉพาะ
และไม่อาจเกิดขึ้นซ้ำได้
ดังนั้นเราต้องมีความสุขกับช่วงเวลาเฉพาะนั้น
โดยไม่กังวลเรื่องอดีตหรืออนาคต
.
กุญแจอยู่ที่การยอมรับว่า
มีบางสิ่งอยู่เหนือการควบคุมของเรา
เช่นกาลเวลาที่ล่วงเลยไป
หรือธรรมชาติที่ไม่เที่ยงของสิ่งรอบตัว
การจดจ่อกับปัจจุบัน
และมีความสุขกับช่วงเวลาแต่ละขณะในชีวิต
ทำให้การค้นพบและเดินตามอิคิไกของตน
จึงถือว่าสำคัญยิ่ง
.
การต้านทานความเปราะบาง
หรือการสามารถทนรับการโดนทำร้าย
โดยไม่อ่อนแอลง หรืออีกนัยคือ
การที่สิ่งนั้นเข้มแข็งขึ้นเมื่อโดนทำร้าย
ตามที่เข้าใจ อาจจะหมายถึง
การพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสนั่นเอง
โดยมีขั้นตอนดังนี้
.
ขั้นตอนที่ 1 เพิ่มแหล่งสำรองให้ชีวิต
แทนที่จะมีรายได้เพียงแหล่งเดียว
จงหาวิธีสร้างรายได้จากงานอดิเรก
จากงานประเภทอื่นๆ
.
ในโลกของความรัก
ผู้คนจำนวนหนึ่งสนใจเพียงคนรักของตนเท่านั้น
ทำให้คนรักกลายเป็นโรคทั้งใบของตนเอง
ในกรณีของบุคคลเหล่านี้
หากความสัมพันธ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง
เขาจะสูญเสียทุกอย่าง
แต่หากได้บ่มเพาะมิตรภาพอันดีงาม
และชีวิตที่พร้อมสับไว้
ก็จะเดินต่อไปข้างหน้าได้ง่าย
ภายหลังเกิดเหตุวิบัตินั้น
.
ขั้นตอนที่ 2 เล่นแบบระมัดระวังในบางเรื่อง
และเสี่ยงเล็กๆน้อยๆในบางเรื่อง
คือลองเสี่ยงเล็กๆน้อยๆ
ซึ่งอาจนำไปสู่ผลตอบแทนมหาศาล
โดยไม่เอาตัวไปเสี่ยงต่อสิ่งที่จะทำให้เราล่มจม
.
ขั้นตอนที่ 3 ขจัดสิ่งที่ทำให้เราเปราะบาง
ลองถามตัวเองดูว่าอะไรบ้างที่ทำให้เราเปราะบาง
มีสิ่งของ คนหรือพฤติกรรมอะไรที่ทำให้เราสูญเสีย
หรือทำให้เราอ่อนแอลง
.
การสร้างวิถีชีวิตเพื่อให้มีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้นั้น
เราไม่ควรกลัวอุปสรรค
เพราะอุปสรรคย่อมมาพร้อมศักยภาพในการเติบโต
หากเราวางตัวให้มีภูมิต้านทานความเปราะบาง
เราจะค้นพบวิธีทำให้ตนเองเข้มแข็งขึ้น
จากการถูกมรสุมแต่ละครั้ง
โดยค่อยๆ ขัดเกลาวิถีชีวิต
และมุ่งไปที่อิคิไกของตนเอง
บทสรุป
แม้อิคิไกของเราจะแตกต่างกับคนอื่นๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีเหมือนกันคือ
ทุกคนล้วนแสวงหาความหมายของการมีชีวิตอยู่
เมื่อใดที่เรามีชีวิตและรู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งใดก็ตาม
ที่มีความหมายกับตัวเรา
เราจะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
และเมื่อใดที่ไม่ได้เชื่อมโยงเราจะรู้สึกสิ้นหวัง
.
จงทำในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ
พร้อมกับหลีกเลี่ยงหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณไม่ชอบ
จงใช้ความกระหายใคร่รู้เป็นสิ่งนำทาง
และขอให้เดินหน้าทำสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตมีความหมาย
และเปี่ยมด้วยความสุข
เราไม่ควรกังวลกับการค้นหาอิคิไกมากจนเกินไป
.
ชีวิตไม่ใช่ปัญหาที่เราต้องเข้าไปแก้ไข
ขอให้จำไว้ว่า ให้เรามีสิ่งที่รักและทำสิ่งนั้นไปอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกับได้อยู่รายล้อมด้วยผู้คนที่รักคุณ
.
บัญญัติ 10 ประการของอิคิไก
.
1. จงทำตัวกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ
อย่าปลดเกษียณตนเอง
2. จงใช้ชีวิตอย่างไม่รีบเร่ง
3. จงอย่ารับประทานอาหารจนอิ่ม
4. จงแวดล้อมไปด้วยมิตรสหายที่ดี
5. จงทำให้ร่างกายแข็งแรงรับวันเกิดครั้งถัดไป
6. จงยิ้ม
7. จงกลับไปหาธรรมชาติ
8. จงขอบคุณ
9. จงอยู่กับปัจจุบันขณะ
10. จงเดินตามอิคิไกของตนเอง
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb