กองทุน Active vs Passive ค่าธรรมเนียมมีผลมากแค่ไหน?
กองทุน Passive กับ กองทุน Passive แตกต่างกันอย่างไร ค่าธรรมเนียมมีผลต่อการลงทุนแค่ไหน ควรเลือกกองทุนแบบไหนดี?
เด็กการเงิน เจอคำถามที่ดีมาก อยากจะนำมาเล่าให้ทุกคนเข้าใจ ว่ากองทุนแบบ Passive และ Active มันแตกต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมการจัดการ (หรือค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากกองทุนรวม) มีผลอย่างต่อผลตอบแทนจะเป็นอย่างไรในระยะยาว ก่อนจะพาไปดู study ขอทบทวนนิดนึงครับว่ากองทุนแต่ละแบบ เป็นอย่างไรและเลือกอย่างไรบ้าง
1. กองทุนแบบ Passive
เป้าหมายคือตาม Benchmark หรือผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับ Index
ต้นทุนต่ำกว่า เนื่องจากไม่ได้ใช้ทีมหรือผู้เชี่ยวชาญในการจัดพอร์ตและ rebalance
เลือกจาก tracking error ต่ำ ถ้ามีสองกองทุน ก็เลือกค่าใช้จ่าย (ค่าธรรมเนียม) ต่ำที่สุด
2. กองทุนแบบ Active
เป้าหมายคือการเอาชนะBenchmark หรือทำได้ดีกว่า passive strategy
ต้นทุนสูงกว่า เนื่องจากใช้ทีมหรือผู้เชี่ยวชาญในการจัดพอร์ตและ rebalance
เลือกจากอัตราส่วนผลงานต่อความเสี่ยงย้อนหลัง (sharpe ratio) สูงๆ
เลือกกองผลงานดีชนะ benchmark ได้ต่อเนื่อง ไม่ฟลุ๊ค
เลือกค่าใช้จ่ายรวมต่ำ หรือสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับกองประเภทเดียวกัน
เปรียบเทียบค่าธรรมเนียม และผลตอบแทน
การศึกษาค่าธรรมเนียมรายปี มีผลต่อผลตอบแทนระยะยาวมากแค่ไหน เริ่มที่เงินลงทุน 100,000 บาท แนะสมมติว่าผลตอบแทนตลาดอยู่ที่ 6% ต่อปี มีกองทุนสามแบบดังนี้
- กองทุน passive ต้องการทำผลตอบแทนให้ได้เท่าตลาด มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1%
- กองทุน active ทำผลตอบแทนได้เท่าตลาด ก่อนที่จะนำไปหักค่าธรรมเนียมบริหารที่ 2%
- กองทุน active ทำผมตอบแทนได้เหนือตลาดต่อเนื่อง ที่8% ต่อปี มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 2%
จากการศึกษาจะเห็นได้ว่าในระยะยาว ค่าธรรมเนียมมีผลต่อผลตอบแทนที่เราลงทุน เริ่มต้นตั้งแต่ 100,000 บาท ผ่านไป 10 20 30 40 ปี จะยิ่งเห็นชัด (กองทุนแบบสะสมมูลค่า)
โดยกองทุน active ที่มีผลแทนเท่ากับ หรือแย่กว่าตลาด ผลตอบแทน “แพ้” กอง passive แบบหมดรูป
แต่อย่างไรก็ตาม หากเราลงทุนในกอง active แล้วผลงานดีต่อเนื่องยาวนาน เอาชนะตลาดได้ (ในที่นี่คือชนะทุกครั้ง) ก็จะทำให้ผลตอบแทน ต้นทบดอกในบั้นปลาย เติบโตกว่ามากๆ
สรุปกันคร่าวๆ แบบไม่เข้าข้างทีมไหนกันเลยนะ
1. ค่าธรรมเนียมมีผลต่อผลตอบแทนที่เราจะได้ในระยะยาว
2. ถ้าเลือกกอง Active ต้องเลือกกองทุนที่เอาชนะ Benchmark ได้หรือชนะกองแบบ Passive ได้ต่อเนื่อง และนานพอพิสูจน์ให้เห็น แค่ผลงานทำได้ใกล้เคียง passive fund ให้ถือว่า “ไม่ผ่าน” ไม่คุ้มค่าแรงเอาซะเลย เราต้องวิเคราะห์และทำความเข้าใจกับสไตล์บริหาร และการเลือกหุ้นของผู้จัดการกองทุนด้วยว่าเอาชนะผลตอบแทนตลาดระยะยาวได้หรือไม่ เลือกหุ้นอะไรมาใส่พอร์ตเรา และกองนั้นจะต้องมีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม ไม่ over จนเกินไปใช่ไหม แอดเคยเห็นบางกองดี ชนะตลาดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน คือเค้าเก่งจริงๆ แบบนี้ค่อยน่าลงทุนหน่อย
3. เลือกกองทุนประเภทเดียวกัน ไม่ควรดูผลตอบแทน และความผันผวน แต่ในชีวิตจริงเรามีกองทุนหลายแบบ จัดเป็นพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง หรือหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้มากมาย อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบกองทุนต้องดูค่าใช้จ่าย (Total Expense Ratio) หรือค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุนด้วยนะ
ติดตามบทความอื่นๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb
กลุ่มความรู้นักลงทุน: http://bit.ly/3clAwZ2
กลุ่มพัฒนาตัวเอง: http://bit.ly/3ejPXnk